9 เทรนด์โซเชียลมีเดียที่คุณต้องรู้ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ปี 2022

1. TikTok จะกลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่สำคัญที่สุดสำหรับการตลาด

Instagram ครองอันดับ 1 ในใจนักการตลาดโซเชียลส่วนใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เติบโตเร็วที่สุด มีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุด (ขึ้นอยู่กับสินค้าของคุณ) TikTok มีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนในเดือนกันยายน 2564 เพิ่มขึ้น 45% ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งปี

ทำให้เป็นเครือข่ายโซเชียลที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับ 7 ของโลก

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใช้มากที่สุดในโลก

TikTok เปิดตัวเครื่องมือทางธุรกิจที่เป็นประโยชน์หลายอย่างในปี 2020 และ 2021 รวมถึงโปรไฟล์ธุรกิจ โฆษณา และตลาดสำหรับครีเอเตอร์ นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ ขยายตัวมากขึ้น

ข้อแนะนำ :

1. 1. 1. เปิดแอคเคาท์ TikTok สำหรับธุรกิจของคุณ
      2. สำรวจเทรนด์ที่กำลังเป็นกระแส
      3. ร่างกลยุทธ์การตลาดสินค้าของคุณ
2. คุณอาจจะต้องลงทุนโฆษณาในแอพเล็กๆ มากกว่าแอพใหญ่

การวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคอาจเปิดรับโฆษณาบนช่องทางขนาดเล็กเช่น TikTok, Snapchat และ Pinterest มากกว่าเครือข่ายโซเชียลที่ใหญ่กว่า

• • • การศึกษาโดย Kantar ซึ่งได้รับมอบหมายจาก TikTok พบว่าผู้บริโภคจัดอันดับโฆษณา TikTok ว่าสร้างแรงบันดาลใจและสนุกสนานมากกว่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่น
    • การศึกษาของ Nielson ซึ่งได้รับมอบหมายจาก Snapchat พบว่าโฆษณาบน Snapchat เข้าถึงได้มากกว่าโฆษณาทางทีวี และทำให้มีการรับรู้และความตั้งใจในการซื้อมากขึ้น
    • การศึกษาของ Pinterest Business พบว่าโฆษณาบน Pinterest มี ROI สูงกว่าและมีอัตรา Conversion ที่ถูกกว่าโฆษณาบนเครือข่ายสังคมอื่นๆ
    • เทรนด์การค้นหาของ Google ยังแสดงความต้องการการค้นหาที่เพิ่มขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมาสำหรับโฆษณาบนเครือข่ายเหล่านี้ TikTok เป็นผู้นำในการชาร์จ

ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลหลายคนยังต้องกระจายกลยุทธ์โฆษณาในต้นปี 2021 เพื่ปรับตัวต่อการอัปเดต Apple iOS 14 ซึ่งขัดขวางความสามารถของ Facebook ในการกำหนดเป้าหมายกลุ่มผู้ชมจำนวนมาก ที่สำคัญที่สุดคือ TikTok, Pinterest และ Snapchat ต่างก็สนับสนุนให้ผู้โฆษณาสร้างโฆษณา “พอดี” ด้วยเนื้อหาออร์แกนิกที่โพสต์โดยผู้ใช้ทั่วไปอยู่แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือโฆษณาที่ให้ความบันเทิงมากขึ้นและรบกวนน้อยลง เพิ่ม Conversion และได้รับการตอบรับที่ดี

3. ผู้ซื้อจะเน้นการซื้อสินค้าของคุณโดยตรงบนโซเชียลมีเดีย

ด้วยการระบาดใหญ่ของโควิด ทำให้ตลาด E Commerce เติบโตรวดเร็วแบบก้าวกระโดดและมีวี่แววว่าจะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ 81% ของผู้ซื้อใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาสินค้าและสั่งซื้อบนแอพนั้นๆเลยทันที และในปีนี้ทั้ง Instagram, Facebook และ Pinterest หรือแอพเป็นที่นิยมมากที่สุดอย่าง TikTok, Twitter และ YouTube ต่างก็ออกฟีเจอร์ใหม่ๆมารองรับการซื้อขายโดยตรงจากทางเว็บมากมาย

Instagram เพิ่มแท็บ “ร้านค้า” ในหน้าฟีด

ข้อแนะนำ :

1. 1. 1. หากคุณขายสินค้า ให้ตั้งค่าร้านค้าใน Facebook หรือร้าน ใน Instagram หรือพินสินค้าของคุณบน Pinterest
      2. ทำร้านของคุรให้น่าสนใจและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
      3. ลองซื้อโฆษณาบนแอพนั้นๆ เพื่อทำลูกค้าเห็นสินค้าของคุณมากขึ้น

4. ไม่มีใครอยากคุยกับการเสนอขายสินค้าทางโทรศัพท์

ในแบบสำรวจของ Nielsen ซึ่งจัดทำโดย Facebook พบว่า 64% ของผู้คนกล่าวว่าพวกเขาต้องการส่งข้อความมากกว่าโทรคุย แม้จะมีความต้องการเพิ่มขึ้น แต่หลายองค์กรยังไม่พร้อมที่จะให้การสนับสนุนลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพผ่านโซเชียลมีเดีย

ข้อแนะนำ :

1. 1. 1. วางแผนเกี่ยวกับกลยุทธ์การบริการลูกค้าทางโซเชียลมีเดีย
      2. สร้างเทมเพลตการตอบกลับสำหรับคำถามที่พบบ่อย
      3. ลองใช้ Chatbot เพื่อทุ่นเวลาของคุณ
      4. ฝึกอบรมทีมของคุณให้เตรียมพร้อมรับมือกับลูกค้าทางโซเชียล มากกว่า Outsource มาดูแล

5. วิดีโอยาวๆ ไม่น่าสนใจอีกต่อไป ยกเว้นบน YouTube

ความสำเร็จของ Reels และ TikTok เกิดขึ้นจากความสำเร็จของ Stories (รูปแบบวิดีโอสั้นอีกรูปแบบหนึ่ง) ซึ่งดึงดูดผู้ใช้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 บริษัทซอฟต์แวร์โฮสต์วิดีโอ Vidyard ระบุว่า 60% ของวิดีโอทั้งหมดที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตในปี 2020 มีความยาวไม่เกิน 2 นาที

สำหรับวิดีโอยาวๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ใน Youtube และยังได้รับความสนใจเท่าเดิม แม้แต่ Facebook Watch จะมาแข่งเพิ่ม แต่ก็ได้รับความนิยมไม่เท่า อีกทั้ง Youtube ยังสามารถดูผ่านทีวีได้ จึงได้รับความนิยมค่อนข้างมาก แต่วิโอสั้นๆนั้น ก็ต้องสร้างสรรค์ด้วย เช่น Reels หรือ Tiktok ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียจะไม่ดูวิดีโอแบบสั้นเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องสนุกสนานและมีส่วนร่วมด้วย นอกจากนี้ เนื้อหาที่หายไปอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่เคยเป็นมา

ข้อแนะนำ :

1. 1. 1. หากเป้าหมายของคุณคือการเข้าถึงผู้ติดตามใหม่ๆ ให้ทดลองกับใช้ TikTok
      2. หากเป้าหมายของคุณคือการดึงดูดผู้ชม Instagram ที่มีอยู่ให้กลับมาอีกครั้ง ให้ทดลองกับ Reels
      3. หากคุณประสบความสำเร็จกับวิดีโอขนาดสั้นบนแพลตฟอร์มหนึ่ง ให้ลองใช้บนแพลตฟอร์มอื่น และจดบันทึกผลลัพธ์ แล้วเลือกลงทุนโฆษณากับแอพที่ได้ผลที่สุด

6. คุณอาจจะต้องพึ่งพา Influencer เพื่อธุรกิจของคุณ

ครีเอเตอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ มีมานับสิบปีแล้ว แต่เพิ่งได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีทั้งทำงานแบบเต็มตัว และหารายได้เป็นงานอดิเรก สร้างรายได้เสริม หรือหางานอิสระผ่านโซเชียลมีเดีย

“ครีเอเตอร์” ครอบคลุมทั้งนักการตลาดผู้มีอิทธิพลมืออาชีพและผู้สร้างเนื้อหามือสมัครเล่น โดยพื้นฐานแล้วใครก็ตามที่เขียน แก้ไข ออกแบบ และถ่ายทำเนื้อหาเพื่อเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย ในปี 2564 ผู้คนประมาณ 50 ล้านคน ได้เปลี่ยนบทบาทไปเป็น ครีเอเตอร์บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ และธุรกิจต่างๆ ทุ่มเงิน 15 พันล้านดอลลาร์เพื่อทำการตลาดกับผู้คนเหล่านี้

กราฟ: ส่วนแบ่งของนักการตลาดในสหรัฐฯ โดยใช้โซเชียลมีเดียและการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ ปี 2019 – 2022

เครือข่ายโซเชียลทั้งขับเคลื่อนและตอบสนองต่อความเฟื่องฟูนี้โดยการเพิ่มเครื่องมือการสร้างรายได้ใหม่ๆ เช่น: ตลาดครีเอเตอร์ของ TikTok, การทำงานร่วมกันของ Instagram, ผู้จัดการแบรนด์ Collabs ของ Facebook, YouTube Brand Connect, Super Follows แบบชำระเงินของ Twitter เครื่องมือเหล่านี้ล้วนออกแบบมาเพื่อให้ครีเอเตอร์ได้รับเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์และผู้ใช้บนแพลตฟอร์มที่เลือกได้

7. คุณต้องเรียนรู้การโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่าย

หลายๆแอพ เริ่มจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาแบบออร์แกนิคแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน Facebook และ Instagram เพื่อเน้นให้ผู้ประกอบการลงทุนโฆษณากับแอพมากยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้ Facebook เองก็เผชิญปัญหา หลังจากที่มีการอัพเดท iOS14 ทำให้เข้าถึงผู้ติดตามได้ลดลง แต่นอกจากนี้ก็ยังมี TikTok ที่ไม่ต้องลงทุนสูง แต่ก็สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากเช่นกัน

แผนภูมิแนวโน้มโซเชียลมีเดีย : อะไรคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณบนโซเชียลมีเดีย?

ข้อแนะนำ :

1. 1. 1. ใช้เนื้อหาโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการเข้าถึงแบรนด์ และการให้บริการลูกค้า รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ชม
      2. ทดลองโปรโมตโพสต์ยอดนิยมของคุณเพื่อเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่

8. ศึกษากระแสสังคมจากแอพฟังเสียงสด สตรีมมิ่งต่างๆ

ในช่วงการระบาดของ COVID-19 แอพฟังเสียงสดก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น Clubhouse หรือ Twitter Spaces แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป (เริ่มมีผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมือง การขาดแคลนแรงงาน และความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นต่อบริษัทต่างๆ มากขึ้น) ธุรกิจต่างๆ ได้เรียนรู้ว่าการรับฟังจากเสียงเรื่องต่างๆ จากสังคมออนไลน์สามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการประชาสัมพันธ์ได้

แผนภูมิแนวโน้มโซเชียลมีเดีย: ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การฟังโซเชียลมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสำหรับองค์กรของฉัน นอกจากนี้เรายังพบว่าการค้นหา Google สำหรับคำหลักเช่น “social listening” และ “social listening tools” เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบเป็นรายปี

9. พัฒนากลยุทธ์สำหรับแอพฟังเสียงสด

Clubhouse เปิดตัวในเดือนเมษายน 2020 แต่ได้รับความนิยมอย่างมากในต้นปี 2021

กราฟ: ยอดติดตั้ง Clubhouse Worldwide รายเดือน 14 ก.ย. 2020 – 15 มี.ค. 2021

Twitter เปิดตัวแพลตฟอร์มเสียงโซเชียล Spaces อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น และ Facebook ก็พยายามเข้าสู่รูปแบบเสียงสดชั่วคราว กิจกรรมเหล่านี้มีทีมการตลาดเพื่อสังคมจำนวนมาก เพื่อแข่งขันว่าใครจะได้รับความนิยมมากกว่ากัน จากการสำรวจพบว่าแบรนด์นั้นๆจะได้รับความสำเร็จเมื่อมี โฮสต์ที่ดี น่าเชื่อถือ และพูดน่าฟัง และสามารถเชื่อต่อกับผู้อื่นได้ เป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความไว้วางใจในแบรนด์ของคุณและเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า

ข้อแนะนำ :

1. 1. 1. คุณไม่จำเป็นต้องเลือกแพลตฟอร์มเสียงโซเชียลใดแพลตฟอร์มหนึ่งโดยเฉพาะ แต่คุณควรเริ่มคิดว่าธุรกิจของคุณจะใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนั้นๆได้อย่างไร
      2. พยายามเชื่อมต่อผู้คนใหม่ๆ เพื่อการเข้าถึงของแบรนด์
      3. ค้นหา Host ที่มีความสามารถ น่าสนใจมาร่วมงานด้วย

 

ที่มา : HootSuite

เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ Digital Marketing Trend เทคนิคการโปรโมทโฆษณา

ติดต่อเรียนการตลาดออนไลน์ Digital Marketing กับอาจารย์หลิง
ทางไลน์ไอดี @ajlink

ติดตามบน Facebook Fanpage : AJLink อาจารย์หลิง