อยากยิง Ads โฆษณา ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
เพิ่มยอดขาย มีเทคนิคอะไรบ้าง?
A: แน่นอนค่ะ! การยิง Ads ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณประสบความสำเร็จ มาดูเทคนิคเด็ดๆ กันเลย
1. กำหนด “Target Audience” ให้ชัดเจน
ต้องรู้จัก “กลุ่มเป้าหมาย” ของคุณให้ดี! ใครคือคนที่น่าจะสนใจสินค้า/บริการของคุณ? ลองวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น
ข้อมูลประชากร: เพศ, อายุ, สถานที่, ภาษา, ระดับการศึกษา, อาชีพ
ความสนใจ: ไลฟ์สไตล์, กิจกรรมยามว่าง, สิ่งที่ชื่นชอบ, แบรนด์ที่ติดตาม
พฤติกรรม: การใช้งานอินเทอร์เน็ต, อุปกรณ์ที่ใช้, ช่วงเวลาที่ใช้งาน
ยิ่งเรารู้จักลูกค้ามากเท่าไหร่ โฆษณาของเราก็จะยิ่งตรงใจ และเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่าง: สมมติว่าคุณเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ และต้องการโปรโมตรถยนต์ SUV รุ่นใหม่ คุณอาจกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็น “ชาย/หญิง อายุ 28-45 ปี อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สนใจรถยนต์ การเดินทาง กิจกรรมกลางแจ้ง มีรายได้ 70,000 บาทขึ้นไป แต่งงานแล้ว และมีบุตร”
2. “Custom Audience” ยิง Ads หาคนที่ใช่!
Custom Audience คือกลุ่มเป้าหมายที่คุณกำหนดเอง กลุ่มคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ โดยใช้ฐานข้อมูลลูกค้าเดิม เช่น รายชื่ออีเมล, เบอร์โทรศัพท์, ผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ, คนที่เคยกดไลค์เพจ, คนที่เคยซื้อสินค้า, คนที่เคยส่งข้อความในเพจ ฯลฯ
ข้อดี: ช่วยให้คุณยิง Ads ไปยังกลุ่มคนที่ “มีแนวโน้ม” จะสนใจสินค้า/บริการของคุณมากที่สุด
ตัวอย่าง: ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์สามารถสร้าง Custom Audience จากรายชื่อลูกค้าที่เคยเข้ามาทดลองขับรถ หรือคนที่เคยกดไลค์ คอมเมนต์ แชร์โพสต์บน Facebook Page หรือคนที่เคยลงทะเบียนรับข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อยิง Ads โปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
3. “Lookalike Audience” ขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย!
Lookalike Audience คือกลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายกับลูกค้าเดิมของคุณ Facebook จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และค้นหากลุ่มคนที่มีความสนใจ พฤติกรรม และคุณสมบัติใกล้เคียงกับลูกค้าปัจจุบัน ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะกลายมาเป็นลูกค้าใหม่ของคุณ Lookalike Audience เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการขยายฐานลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน
ตัวอย่าง: ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์สามารถสร้าง Lookalike Audience จากรายชื่อลูกค้าที่เคยซื้อรถยนต์ SUV เพื่อค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น สนใจรถยนต์ประเภทเดียวกัน มีไลฟ์สไตล์ ความสนใจ และพฤติกรรมการซื้อที่ใกล้เคียงกัน
4. “A/B Testing” ทดสอบ/วัดผล/ปรับปรุง
A/B Testing เป็นการทดสอบโฆษณา 2 เวอร์ชั่นขึ้นไป เพื่อดูว่าเวอร์ชั่นใดมีประสิทธิภาพดีกว่า แล้วนำผลลัพธ์มาปรับปรุงโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่มีอะไรดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก! A/B Testing คือการทดสอบโฆษณา 2 แบบ ที่มีความแตกต่างกัน เช่น รูปภาพ ข้อความ หรือ Call to Action เพื่อดูว่าแบบไหน “ปัง” กว่ากัน
ตัวอย่าง: ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อาจทดสอบโฆษณา 2 เวอร์ชั่น โดยเวอร์ชั่นแรกใช้รูปภาพรถยนต์ ส่วนเวอร์ชั่นที่สองใช้วิดีโอรีวิวรถยนต์ จากนั้นจึงเปรียบเทียบผลลัพธ์เพื่อดูว่าเวอร์ชั่นใดมี Engagement และ Conversion Rate สูงกว่า
5. “Retargeting” ตามติด ย้ำเตือน ปิดการขาย!
เคยไหม? เข้าเว็บไซต์ ดูสินค้า แต่ยังไม่ซื้อ แล้วเจอโฆษณาสินค้าชิ้นนั้นตามมาหลอกหลอน นั่นแหละคือ “Retargeting” เป็นการยิง Ads โฆษณา ไปยังคนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ หรือสนใจสินค้า แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เพื่อกระตุ้น ย้ำเตือน และปิดการขาย เป็นการตามติด ไม่ปล่อยให้ลูกค้าหลุดมือ!
ตัวอย่าง: ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์สามารถยิง Retargeting Ads ไปยังกลุ่มคนที่เคยเข้าชมหน้าเว็บไซต์รถยนต์รุ่นใหม่ แต่ยังไม่ได้สอบถามข้อมูล เพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาสนใจรถยนต์รุ่นนี้อีกครั้ง โดยอาจเสนอส่วนลดพิเศษ หรือของแถม สำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อภายในเดือนนี้
เทคนิคเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การยิง Ads ให้ประสบความสำเร็จ อย่าลืมว่าการวิเคราะห์ข้อมูล การทดลอง และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้
และที่สำคัญที่สุด! “ความสำเร็จ” เกิดจากการลงมือทำ อย่าลืม “วัดผล” โฆษณาของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ปรับปรุง และพัฒนาโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หากมีข้อสงสัย หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม คอมเมนต์บอกอาจารย์หลิงได้เลยนะคะ
และถ้าหากคุณอยากอัปเดตเทรนด์การตลาดออนไลน์
พร้อมรับความรู้แบบเข้าใจง่าย แถมนำไปใช้ได้จริง
บริการ Content Marketing รับทําคอนเทนต์สร้างยอดขาย
ติดต่อได้ที่ ไลน์ @inDigital
.
เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ Digital Marketing Trend เทคนิคการโปรโมทโฆษณา
ติดต่อเรียนการตลาดออนไลน์ Digital Marketing กับอาจารย์หลิง
ทางไลน์ไอดี @ajlink
ติดตามบน Facebook Fanpage : AJLink อาจารย์หลิง